ค่าลดหย่อนภาษี 2566

เช็กลิสต์ ค่าลดหย่อนภาษี 2566 ก่อนยื่นภาษีต้นปี 2567

พอถึงช่วงปลายปีนอกจากเทศกาลคริสมาสต์และการฉลองปีใหม่ที่หลายคนรอคอย สำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือผู้เสียภาษีหลายคน ปลายปีอาจจะเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวางแผนภาษี มองหาค่าลดหย่อนภาษี และเตรียมยื่นภาษีในช่วงต้นปีที่จะมาถึง และหากคุณเป็นหนึ่งที่จะต้องยื่นภาษีเงินได้ประจำปี เราได้รวมค่าลดหย่อนภาษี 2566 มาให้คุณแล้ว

ทำความรู้จักค่าลดหย่อนภาษี

รายการลดหย่อนภาษี หรือ ค่าลดหย่อนภาษี คือ รายการที่กฎหมายกำหนดให้หักลดหย่อนภาษีเพิ่มได้จากค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแบ่งเบาภาระภาษีให้แก่ผู้เสียภาษี ซึ่งส่งผลให้ผู้เสียภาษีจ่ายภาษีได้ถูกลง และช่วยเพิ่มโอกาสในการรับเงินคืนภาษีอีกด้วย

สิทธิลดหย่อนภาษี 2566 มีอะไรบ้าง


1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว


กฎหมายกำหนดให้ผู้เสียภาษีสามารถใช้ค่าลดหย่อนส่วนตัวได้ 60,000 บาท โดยผู้เสียภาษีจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้ทันทีที่ทำการยื่นแบบแสดงภาษีเงินได้ประจำปี (ภ.ง.ด. 90, ภ.ง.ด. 91)

2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส กฎหมายกำหนดให้คู่สมรสสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท โดยมีเงื่อนไขคือ


  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1 คน
  • ต้องเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายกำหนด
  • คู่สมรส (สามีหรือภรรยา) ต้องเป็นผู้ไม่มีเงินได้ หรือรายได้ในปีนั้นๆ
  • ในกรณีที่สามีและภรรยามีเงินได้ทั้งคู่ กฎหมายอนุญาตให้ ยื่นภาษีรวมกันเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีคู่สมรสได้

3. ค่าลดหย่อนบุตรกฎหมายกำหนดเงื่อนไขการใช้สิทธิค่าลดหย่อนบุตร 2 ข้อ ดังนี้

    3.1 ค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมาย

    สามารถใช้สิทธิลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมายคนละ 30,000 บาท และหากมีบุตรคนที่ 2 ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบุตรได้คนละ 60,000 บาท

    3.2 ค่าลดหย่อนบุตรบุญธรรม

    สำหรับผู้ที่มีบุตรบุญธรรม หรือมีทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบุตรได้สูงสุด 3 คน และจะต้องเป็นบุตรที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น

เงื่อนไขการใช้สิทธิค่าลดหย่อนบุตร

  • บุตรจะต้องมีอายุไม่เกิน 20 ปี
  • ในกรณีที่บุตรมีอายุ 21-25 ปี บุตรจะต้องศึกษาอยู่ในระดับปวส. ขึ้นไปเท่านั้น
  • บุตรจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี (ยกเว้นกรณีเงินปันผล)

4. ค่าลดหย่อนบิดามารดา


    4.1 ค่าลดหย่อนบิดามารดาตัวเอง กฎหมายกำหนดให้ผู้ที่เลี้ยงดูพ่อแม่ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนพ่อแม่ได้คนละ 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ

    • จะต้องเป็นพ่อแม่ที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือพ่อแม่ที่แท้จริงเท่านั้น
    • พ่อ-แม่จะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป
    • พ่อ-แม่ จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบิดามารดา สำหรับคนมีพี่น้อง

ในกรณีที่คุณมีพี่น้องและต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบิดามารดา เราแนะนำให้คุณพูดคุยกับพี่หรือน้องของคุณให้ชัดเจนว่า ใครจะเป็นผู้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีพ่อแม่ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ ค่าลดหย่อนบิดามารดาสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถยื่นขอใช้สิทธิซ้ำกันได้

และการใช้สิทธิลดหย่อนพ่อแม่ คุณจะต้องใช้หนังสือรับรองการหักค่าลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ลย.03) พร้อมให้พ่อแม่เซ็นชื่อกำกับเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีด้วย

    4.2 ค่าลดหย่อนบิดามารดาคู่สมรส ในกรณีที่คุณดูแลพ่อแม่คู่สมรส กฎหมายกำหนดให้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีพ่อแม่คู่สมรสได้คนละ 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่า

    • จะต้องเป็นพ่อแม่ที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือพ่อแม่ที่แท้จริงเท่านั้น
    • พ่อ-แม่ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
    • พ่อ-แม่ จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
    • คู่สมรสต้องไม่มีรายได้ และครอบครัวฝั่งคู่สมรสจะต้องไม่มีใครใช้สิทธิลดหย่อนพ่อแม่
    • ต้องใช้หนังสือรับรองการหักค่าลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ลย.03) พร้อมให้พ่อแม่เซ็นชื่อกำกับเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีด้วย

5. ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือทุพพลภาพ


หากคุณเป็นผู้ดูแลหรืออุปการะผู้พิการหรือทุพพลภาพ จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท โดยมีเอกสารที่ต้องใช้เป็นหลักฐานคือ

  • บัตรประจำตัวผู้พิการ หรือใบรับรองแพทย์
  • เอกสารรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้ทุพพลภาพ (ลย.04)

6. ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร


ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท และจะต้องเป็นค่าฝากครรภ์และคลอดบุตรที่จ่ายตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  • ต้องเป็นค่าฝากครรภ์ หรือคลอดบุตร ที่จ่ายให้กับสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน
  • ในกรณีที่ท้องปีนี้ คลอดปีหน้า สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามปีที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท
  • ในกรณีที่ต้องยื่นภาษีทั้งสามีและภรรยา กฎหมายกำหนดให้ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตรเป็นของภรรยา แต่หากภรรยาไม่มีรายได้ในปีภาษีนั้นๆ สามีจึงจะสามารถใช้สิทธิฝากครรภ์และคลอดบุตรได้
  • ใช้ใบเสร็จรับเงิน และใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี

7. ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี


ในกรณีที่คุณจ่ายเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือ เงินฝากแบบมีประกันชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมา สามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตที่จ่ายตลอดทั้งปีมาลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยจะต้องเป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป ที่ทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น

8. ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี ค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มี 2 กรณี คือ


    8.1 ค่าเบี้ยประกันสุขภาพตนเอง

    คุณสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายมาตลอดทั้งปี ได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท และจะต้องเป็นประกันสุขภาพในกลุ่มต่อไปนี้

    • ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บ ชดเชยทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรืออาการบาดเจ็บ
    • ประกันอุบัติเหตุ ที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
    • ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง (Critical illnesses)
    • ประกันสุขภาพระยะยาว (Long Term Care)

    8.2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา

    สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท และพ่อแม่จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องให้พ่อแม่มีอายุครบ 60 ปี

9. ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษี


ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และสามารถใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และจะต้องเป็นประกันบำนาญที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ทำและจะต้องทำกับบริษัทประกันในประเทศไทยเท่านั้น

10. ค่าลดหย่อนประกันสังคม


เนื่องจากสิ้นสุดการปรับอัตราประกันสังคมจาก 5% เหลือ 3% ในเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2565 ทำให้อัตราเงินสมทบประกันสังคม ในปี 2566 ได้ถูกปรับกลับมาเป็น 5% ตามเดิม ส่งผลให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบประกันสังคมในปี 2566 จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท

หมายเหตุ จำนวนเงินสมทบประกันสังคมอาจเปลี่ยนแปลงได้ หากมีการประกาศปรับลดเงินสมทบประกันสังคมในอนาคต

11. ดอกเบี้ยบ้าน ลดหย่อนภาษี


หากในช่วงปีที่ผ่านมาคุณได้ซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด คุณสามารถนำดอกเบี้ยที่เกิดจากการซื้อที่อยู่อาศัยมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในกรณีที่ซื้อแบบกู้ร่วม สิทธิลดหย่อนภาษีจะเฉลี่ยตามจำนวนคนร่วมกู้ โดยมีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ

  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีกับการซื้อที่อยู่อาศัยกี่หลังก็ได้ แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • ต้องใช้เอกสารรับรองการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เจ้าหนี้ออกให้ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีด้วย

12. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)


สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ ก็ได้ อาทิ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ และสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 และมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมดังนี้

  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก และสามารถขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อกองทุน RMF แต่จะต้องทำการซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามเกณฑ์ใหม่ได้ในปีที่เริ่มลงทุน ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

13. กองทุนรวมเพื่อการออม SSF


กองทุนรวมเพื่อการออม SSF หรือ Super Saving Fund สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ ก็ได้ อาทิ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ และสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 และมีเงื่อนไขอื่นๆ เพิ่มเติมดังนี้

  • ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อกองทุน
  • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อกองทุน SSF และไม่ต้องซื้อกองทุนต่อเนื่องทุกปี
  • สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ภายในปี 2563 - 2567 (ข้อมูลจาก https://www.setinvestnow.com/th/mutualfund/ssf-rmf-tax-saving-investments)

14. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กบข/ กองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน


ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องจ่ายภาษี ตามที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

15. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)


สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ 13,200 บาท และเมื่อรวมกับกองทุน RMF, กบข, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน, เบี้ยประกันบำนาญ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท

16. บริจาคลดหย่อนภาษี


เงินบริจาคลดหย่อนภาษี ตามที่กฎหมายกำหนดประกอบไปด้วย

  • บริจาคลดหย่อนภาษี 2 เท่า หากคุณบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา พัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ สามารใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาครจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อหน่วยงาน หรือโรงพยาบาลที่เข้าเงื่อนไขได้ที่ เว็บไซต์ของกรมสรรพากร
  • บริจาคลดหย่อนภาษีทั่วไป สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหัก
  • บริจาคพรรคการเมือง ลดหย่อนภาษี สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

17. ช้อปดีมีคืน 2566 ลดหย่อนภาษี


สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือบริการภายในประเทศ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 มาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี 2566 ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 40,000 บาท โดยแบ่งการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็น 2 ส่วนคือ

1. ค่าสินค้าหรือบริการ 30,000 บาทแรก สามารถใช้ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบแบบกระดาษ หรือ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษี

2. ค่าสินค้าหรือบริการ 10,000 บาทที่เหลือ ต้องใช้ใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีเท่านั้น (สามารถตรวจสอบ รายชื่อผู้ประกอบการหรือร้านค้าที่สามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://etax.rd.go.th)

และมีเงื่อนไขที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ คือ

  • จะต้องซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าภายในประเทศ ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ต้องใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษี
  • ในกรณีที่ซื้อหนังสือหรือ E-Book สามารถใช้ใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานอื่นๆ แทนได้
  • รวมบิลได้ แต่ต้องไม่เกิน 40,000 บาท ต่อคน
  • ในกรณีที่ซื้อสินค้าหรือบริการแบบผ่อนชำระ (รวมถึงโปรผ่อน 0%) สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนของราคาสินค้าหรือบริการนั้นๆ แต่ไม่เกิน 40,000 บาท
หมายเหตุ

  • ผู้ที่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ช้อปดีมีคืน 2566 จะต้องเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีเท่านั้น
  • ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีช้อปดีมีคืน 2566 ได้
  • ข้อมูลจาก https://www.rd.go.th/63418.html

รู้ได้อย่างไรว่า เราใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่

สำหรับผู้เสียภาษีที่อยากรู้ว่าตัวเองจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่นั้น คุณจะต้องเริ่มต้นจากการคำนวนหารายได้สุทธิประจำปีด้วยการคำนวณจากสูตร

“เงินได้ – ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (100,000 บาท) – ค่าลดหย่อนส่วนตัว (60,000 บาท) = เงินได้สุทธิ”

ทั้งหมดนี้ คือค่าลดหย่อนภาษี 2566 ที่เรารวบรวมมาฝาก และหากมีสิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมเราจะรีบอัปเดตให้ค่าลดหย่อนภาษีใหม่ให้คุณทราบทันที และคุณมีความกังวลใจหลังจากคำนวณภาษี หรือไม่มั่นใจว่าจะสามารถวางแผนทางการเงินทันก่อนถึงเวลาที่ต้องจ่ายภาษีหรือไม่

เราขอแนะนำ สินเชื่อบุคคลเอ็กซ์ตร้าแคช (Extra Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อเงินสดพร้อมใช้ วงเงินสำรองแบบไม่ใช้บัตร ช่วยให้คุณมีเงินสำรองพร้อมใช้ตลอดเวลา พร้อมความสะดวกสบาย เพราะคุณสามารถเบิก-ถอนวงเงินผ่านแอปฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องง้อบัตร คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และคิดดอกเบี้ยเมื่อทำการเบิกถอนวงเงินเท่านั้น

สินเชื่อบุคคลเอ็กซ์ตร้าแคช (Extra Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คือ วงเงินสำรองพร้อมใช้ ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับพนักงานประจำ ที่มีเงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป สามารถสมัครสินเชื่อได้ 3 ช่องทาง


เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล

  • กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
  • อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 7.3%-25%
  • อัตราดอกเบี้ย CLR ณ. วันที่ 4 ตุลาคม 2566 = 20% ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้

หมายเหตุ

  • วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
  • อัตราดอกเบี้ยและ ข้อกำหนดเงื่อนไขเป็นไปตามธนาคารประกาศกำหนด
  • รายละเอียดเพิ่มเติมที่ : https://www.cimbthaionlinecampaign.com/personalloan/selfapply.html
  • ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777

Share :